เจอร์เก้น คล็อปป์ มักเอ่ยปากด้วยความเชื่อเต็มเปี่ยมอยู่เสมอว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังคงเป็นกุนซืออันดับ 1 ของโลกที่ยืนเหนือหัวเขาอยู่เสมอ แต่ภาพความแข็งแกร่งนั้นดูเหมือนจะถูกดึงดูดให้ทั้งคู่เข้ามาใกล้เคียงกันมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ นักเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ทุกคนต้องยืนปรบมือให้กับเหล่าขุนแข้ง “หงส์แดง” ที่ผงาดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองได้สำเร็จ มันเป็นเวลาที่นักเตะของทัพ “เรือใบ” และ เป๊ป ได้แสดงความนอบน้อมถ่อมตัวออกมา นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเราคุ้นเคย เพราะตามปกติแล้ว พวกเขามักจะเป็นฝ่ายได้รับการปรบมือจากทีมคู่แข่งมากกว่า
ความลับที่ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ แซงหน้า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
- เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้เสกแชมป์แรกให้ ลิเวอร์พูล ในรอบ 30 ปี
- ชะตาชีวิต 4 ขุนพลหงส์ หลังคล็อปป์ปล่อยตัว
- เป๊ปจะทวงคืนแชมป์ ได้ด้วยเกมรับ
เจอร์เก้น คล็อปป์ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คือโค้ชศัตรูคู่อาฆาตในวงการลูกหนังยุคนี้ พวกเขาปฏิเสธมันไม่ได้ ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะให้ความเคารพซึ่งกันและกันเป็นอย่างมาก เป็นความสัมพันธ์ของ “อริ” ที่ให้ความรู้สึกถึงสุขภาพจิตใจที่ดี คล็อปป์ ยกให้ เป๊ป เป็นกุนซืออันดับ 1 ของโลก มันไม่ได้เป็นเกมจิตวิทยาที่ลึกซึ้งอะไรมากมาย
เพราะลึกๆ แล้วเขาก็รู้ดีว่า แมนฯ ซิตี้ จะพยายามกลับมาทวงความยิ่งใหญ่คืนทันทีในซีซั่นหน้า และก็ย่อมรู้ดีว่า ลิเวอร์พูล ของเขากำลังจะเจอกับงานที่หนักขึ้นกว่าเดิม เสียสมาธิเพียงนิดเดียว หรือเผลอขี้เกียจเพียงครั้งเดียว มันอาจหมายถึงการส่งแชมป์คืนให้กับ “เดอะ ซิตี้เซน” ทันที และ กวาร์ดิโอล่า ก็กำลังเผชิญกับความท้าทายที่น่าตื่นเต้นที่สุดครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่กระโดดเข้ามาเป็นโค้ช
กุนซือร่างเล็กชาวสแปนิช เคยดวลกับโค้ชฝีมือดีมามากมาย ไม่ว่าจะ โชเซ่ มูรินโญ่ หรือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่เขาจัดการตบกุนซือเหล่านั้นพังพาบด้วยปรัชญาฟุตบอล ติกี้ ตาก้า ที่แทบหาใครมาต้านทานไม่ได้
เกเก้น เพรซซิ่ง ของ คล็อปป์ คือยุทธวิธีหนึ่งเดียวที่ทำให้ เป๊ป เหนื่อยต่อการรับมือมากที่สุดในชีวิต และมันก็เหนื่อยกว่าทุกๆ ครั้งที่เป็นมาในช่วงราวๆ 2 ปีหลังสุด ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ฤดูกาล ลิเวอร์พูล เปลี่ยนวรรณะตัวเองจากการเป็น ไดโนเสา ตามหลัง ซิตี้ 25 แต้ม สู่การเป็นผู้นำที่ทิ้งห่างคู่แข่งตัวเอ้ไปไกล 23 คะแนน ในซีซั่นนี้
เปล่า มันไม่ใช่ว่า แมนฯ ซิตี้ ทำผลงานไม่ได้มาตรฐานของทีมระดับแชมป์ พรีเมียร์ลีก อันที่จริงแล้ว พวกเขาทำได้สูงกว่ามาตรฐานปกติด้วยซ้ำ แต่มันเป็นทาง ลิเวอร์พูล ต่างหากที่สร้างปรากฏการณ์ในแบบที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ 70 เกมลีกหลังสุด แพ้แค่ 2 เกม สำหรับเด็กรุ่นใหม่แล้วนั้น พวกเขาเพิ่งจะได้เห็นพลังของ “เครื่องจักรสีแดง” ตัวจริงเสียงจริงกันในวันนี้
ภายในระยะเวลาไม่ถึง 5 ปีเต็ม คล็อปป์ เปลี่ยน ลิเวอร์พูล จากหน้ามือเป็นหลังมือ จากอดีตทีมเสือกระดาษ หมูสนามจริงสิงห์สนามซ้อม จากทีมปล้นคนรวยช่วยคนจน สู่ทีมระดับ “แชมเปี้ยนส์” ที่สมบูรณ์แบบที่สุดชุดหนึ่งในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก
ลิเวอร์พูล ในยุค คล็อปป์ ทำงานกันอย่างหนักหน่วง แต่นั่นมันก็เหมือนๆ กับขุนพลชุดอื่นๆ ในมือของกุนซือคนอื่นๆ แล้วอะไรล่ะที่คือความแตกต่าง ? ทั้งหมดเป็นเรื่องของทัศนคติ – ลิเวอร์พูล ของ คล็อปป์ ต้องการทำงานหนักเพราะกระหายอยากเป็นผู้ชนะ แต่ ลิเวอร์พูล ในยุคก่อนหน้านี้ ต้องการทำงานหนักเพราะกลัวจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
พวกเขาเรียนรู้ประสบการณ์จากความอ่อนหัดของตัวเองในช่วงแรกๆ ให้กลายเป็นทีมที่ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น , นักเตะใหม่ๆ ถูกนำตัวเข้ามา ผู้เล่นอย่าง จีนี่ ไวจ์นัลดุม , ซาดิโอ มาเน่ , ฟาบินโญ่ , เวอร์จิล ฟาน ไดค์ , อลิสซง เบ็คเกอร์ , โม ซาล่าห์ , โจเอล มาติป หรือ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ไม่ได้เป็นแค่แข้งระดับคุณภาพ
แต่ยังมีคาแร็คเตอร์ที่เด่นชัดมากๆ อีกด้วย จุดอ่อนที่เคยมี ค่อยๆ ถูกลบทิ้งไปที่ละข้อ พวกเขาเริ่มสร้างความฟิต , เริ่มหัดเพรซซิ่ง , เริ่มมีแผงกองหลังที่เหนียวแน่นขึ้น , เริ่มเรียนรู้การโต้กลับที่รวดเร็วเฉียบขาด , เริ่มเรียนรู้การควบคุมเกม , เริ่มเข้าใจความอดทนระหว่างเกม , เริ่มปรับตัวตามคู่แข่งได้ทุกแบบ และตอนนี้พวกเขาก็กลายเป็นทีมที่มีทุกอย่างแบบอย่างละนิดอย่างละหน่อยที่สมบูรณ์ที่สุด
อยากจะแลกหมัด หรืออยากจะถอยไปกองรวมกันในกรอบเขตโทษ ไม่ว่าคู่แข่งจะเป็นแบบไหน ลิเวอร์พูล มักจะหาทางโจมตีได้อยู่เสมอ สัญญาของ คล็อปป์ ยังมีอยู่จนถึงปี 2024 ฉะนั้น แฟนๆ ลิเวอร์พูล ยังสามารถคาดหวังความสำเร็จจากเขาได้อีกไม่มากก็น้อย ผลตอบแทนของความทุ่มเทมันพึ่งจะผลิดอกออกผลเท่านั้น
ฉะนั้น ถึงแม้จะไม่ยอมรับว่าเป็นโค้ชที่เก่งที่สุดในโลกยุคนี้ แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ของโลก พวกเขาคงไม่เห็นด้วยกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในเรื่องนี้สักเท่าไหร่ครับ ติดตามข้อมูลดีๆก่อนใครได้ทาง Facebook : sboaaa / Telegram : Sboaaaa01 / Line : @SBO-AAAA