มันเป็นฤดูกาลที่สวยงามของ ลิเวอร์พูล และเราทุกคนต่างก็เชื่อว่าพวกเขามีโอกาสจะแข็งแกร่งล่าความสำเร็จแบบนี้ต่อไปได้อีกหลายปี
มันไม่ใช่เพียงแค่ “หงส์แดง” แต่ทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็แลดูน่ากลัวเสมอ ไม่ว่าจะด้วยเม็ดเงินของ ชีค มานด์ซู หรือมันสมองของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ทั้งหมดคือสิ่งที่เราพอจะมองเห็นภาพอนาคตได้ แฟนๆ เชลซี เองก็รู้สึกมีความหวัง ภายหลังจากที่ “เสี่ยหมี่” สั่งลุยเสริมทั้ง ฮาคิม ซิเย็ค และ ติโม แวร์เนอร์ เข้าสู่ทีมแล้วเรียบร้อย มิวายต้องมองถึงแข้งอีกหลายๆ คนที่อาจจะเข้ามาสมทบในอนาคตอันใกล้นี้
- แนวรับปืนงานหนัก ที่รอวันแก้ ของอาร์เตต้า
- เจาะตลาดซื้อขาย นักเตะ อาร์เซน่อล & เชลซี
- โบราณวัตถุ โอซิล : เศษซากอดีต เวิลด์คลาสส์ ที่ตกยุคสุดๆ สำหรับฟุตบอลสมัยนี้
เอฟเวอร์ตัน มี อันเชล็อตติ มีการลงทุนที่เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจตลอด 5 ปีหลังสุด , นิวคาสเซิ่ล กำลังลุ้นมีเจ้าของใหม่ , เลสเตอร์ ในปีที่ 2 ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่ทุกๆ คนตื่นเต้นอยากจะเห็น แม้กระทั่ง แมนฯ ยู ในยุคแกนหลักอย่าง บรูโน่ เฟร์นานเดซ , ปอล ป๊อกบา , แฮร์รี่ แม็คไกวร์ , มาร์คัส แรชฟอร์ด , อารอน วาน บิสซาก้า และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
ภาพตัดกลับมาที่ อาร์เซน่อล พวกเขาคือ 1 ในทีมที่แทบมองไม่เห็นแสงสว่างรออยู่ที่ปลายอุโมงค์เลย
โอเคล่ะ พวกเขาอาจจะมี มิเกล อาร์เตต้า เป็นกุนซือหนุ่มใหม่ไฟแรง มีไอเดียที่แตกต่าง และมีความกล้าที่จะเสี่ยง แต่นอกเหนือจากแพชชั่นของผู้จัดการทีมแล้ว….อาร์เซน่อล ไม่มีการวางแผนอนาคตใดๆ ที่ดูเป็นรูปธรรมเลย
กับการมีเจ้าของทีมอย่าง สแตน โครเอนเก้ มันคือต้นตอของแผลเน่าในครั้งนี้ การบริหารงานของพวกเขาขาดความละเอียดอ่อน และความตั้งใจที่จะพัฒนาทีมอย่างจริงจัง ซึ่งแตกต่างกับสิ่งที่พวกเขาทำกับการบริหารทีมใน อเมริกัน เกมส์
อาร์เซน่อล ขยันปล่อยให้นักเตะหมดสัญญาอย่างต่อเนื่อง มันเป็นมาตั้งแต่ตอนที่พวกเขาเสีย อารอน แรมซี่ย์ แบบฟรีๆ ละตอนนี้พวกเขาก็กำลังจะเสีย ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง แบบฟรีๆ ขณะที่ อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ ก็เหลือสัญญาอีกแค่ 1 ปี
ด้วยสถานการณ์ของ โควิด-19 ทำให้ทีมฟุตบอลก็เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจกันอย่างถ้วนหน้า เช่นเดียวกับ อาร์เซน่อล ที่ปกติก็ไม่ได้ทุ่มซื้อใครบ่อยๆ มันก็ยิ่งทวีความเลวร้ายคูณ 2 เข้าไปอีก
การต่อสัญญานักเตะอย่าง ดาวิด ลุยซ์ หรือเซ็นสัญญาถาวรนักเตะที่แทบยังไม่ได้แสดงความคุ้มค่าอะไรออกมาเลยอย่าง เซดริค ซูอาเรส คือสัญญาณชั้นดีที่บ่งบอกกลายๆ ว่าพวกเขาจะพาทีมไปทางไหนในซีซั่นหน้า
กับของเดิมที่มีอยู่อย่าง กรานิต ชาก้า , มัตเตโอ กูเอนดูชี่ , เซอัด โคลาซินัค และอีกหลายๆ คน คือนักเตะที่ว่ากันตามตรงแล้ว ไม่คู่ควรกับการสวมเสื้อทีมยักษ์ใหญ่อย่าง “เดอะ กันเนอร์ส” เลยด้วยซ้ำ แต่พวกเขาก็มีแนวโน้มจะพยายามทู่ซี้ให้ อาร์เตต้า ใช้งานต่อ
อาร์เซน่อล ไม่มีการวางแผนลำดับงานที่เป็นขั้นเป็นตอน พวกเขาเคยต่อสัญญา เมซุต โอซิล ก่อนที่ อาร์เตต้า จะเข้ามา ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าดาวเตะทีมชาติเยอรมัน ไม่ได้มีสไตล์การเล่นที่เหมาะกับระบบเพรสซิ่ง และถือเป็นแข้งที่ห่วยที่สุดในโลกในยามที่ไม้ได้ครองบอล ในมุมมองของ พอล เมอร์สัน ตำนานสโมสร อาร์เซน่อล
นั่นเท่ากับว่า อาร์เซน่อล ต้องแบกรับค่าเหนื่อยระดับ 3 แสน ต่อสัปดาห์ ของ โอซิล ต่อไปอีกยาวๆ และแทบไม่มีโอกาสปล่อยให้ทีมไหนได้ในช่วงนี้ เนื่องด้วยวิกฤติเศรษฐกิจโลก และที่สำคัญกว่าก็คือฟอร์มของ โอซิล เองที่ไม่เชื้อชวนให้ใครเข้ามาขายขนมจีบ
ทั้งหมดนั้นแปลว่า “เดอะ กันเนอร์ส” มีโอกาสน้อยมากที่จะปรับเปลี่ยนขุมกำลังครั้งใหญ่ อย่าว่าแต่ครึ่งทีมเลย เพราะพวกเขาไม่มีศักยภาพและความตั้งใจของผู้บริหารที่จะทำได้มากขนาดนั้นแน่ๆ
ขุมกำลังของ “ปืนใหญ่” ในซีซั่นหน้า มีแนวโน้มจะออกมาแนวเดิมๆ คุณภาพเดิมๆ หรือในอีกทางหนึ่งก็คือ เต็มไปด้วยจุดอ่อน และนักเตะที่คลาสไม่ถึง ไม่ใช่แค่ ลุยซ์ แต่ยังมี มุสตาฟี่ , ร็อบ โฮลดิ้งค์ และแกนนำแก๊ง เชิญยิ้ม อีกหลายๆ หน่อ
ยิ่งถ้าหากเสีย โอบาเมยอง , ลากาแซตต์ และอีกหลายๆ คนสำคัญออกไป มันก็เป็นเรื่องยากที่เราจะเห็นบอร์ดบริหารของ อาร์เซน่อล ดึงตัวแข้งระดับท๊อปเข้ามาทดแทนจริงๆ โดยล่าสุด มีรายงานว่าพวกเขาให้ความสนใจใน วูท เว็กฮอร์ส หัวหอกระดับกลางๆ ของ โวล์ฟบวร์ก ซะอย่างนั้น
ค่าตัว 35 ล้านปอนด์ นั่นคือเงินที่ อาร์เซน่อล พร้อมจ่ายสำหรับกองหน้าที่จะเข้ามาแทนที่นักเตะอย่าง โอบาเมยอง อย่างนั้นจริงๆ น่ะเหรอ ?
ในโลกที่ทีมต่างๆ ใน พรีเมียร์ลีก ตะเกียกตะกายต้องการเป็นผู้อยู่รอด ในโลกที่ทีมอย่าง เลสเตอร์ , เอฟเวอร์ตัน , นิวคาสเซิ่ล และอีกหลายๆ ทีม พยายามจะดีดตัวเองขึ้นมาเป็น ท๊อป 6
ในอีกบรรยากาศหนึ่ง เราอาจได้เห็นภาพของ อาร์เซน่อล กลายเป็นแค่ทีมระดับกลางๆ ตารางของ พรีเมียร์ลีก ไปแบบยาวๆ หลังจากนี้ครับ